วางแผนให้มีเงินใช้หลังเกษียณไปกับการลงทุนกองทุนรวมกัน

การมีเงินไว้ใช้ตอนเกษียณอายุถือเป็นเรื่องที่ควรวางแผนไว้แต่เนิ่นๆ วันนี้เราจะมาเปิดตำราการลงทุนในกองทุนรวมให้มีเงินไว้ใช้ในวันที่เกษียณจากการทำงาน

สารบัญ

  • ทำไมต้องวางแผนเกษียณด้วยกองทุนรวม
  • 6 วิธีการลงทุนในกองทุนรวมให้เหมาะสมกับเป้าหมายในการเกษียณ
  • เปิด 5 กองทุนรวม SSF และ RMF น่าสนใจสำหรับวางแผนเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ
  • สรุป

ทำไมต้องวางแผนเกษียณด้วยกองทุนรวม

แม้ว่าการทำงานจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเรา ในอนาคตที่อายุเพิ่มขึ้นสวนทางกับสุขภาพร่างกายที่ถดถอยลงแต่กลับต้องหาเงินเพื่อมาจ่ายค่าใช้จ่ายในช่วงเกษียณอายุ การลงทุนด้วยกองทุนรวมถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้เรามีเงินไว้ใช้จ่ายได้ โดยเหตุผลที่เราต้องแผนเกษียณอายุด้วยการลงทุนกองทุนรวมมีดังนี้

  • ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะเป็นภาระของลูกหลานเมื่อเกษียณ

ประมาณ 44 % ของผู้ใหญ่วัยกลางคนที่กำลังมีลูกต้องมีพ่อหรือแม่ที่ต้องการให้ดูแลหรืออาจไม่สามารถดูแลตัวเองได้เท่าที่ควร การวางแผนเกษียณด้วยการลงทุนด้วยกองทุนรวมจะช่วยให้สามารถมีเงินไว้ดูแลตัวเองได้ในยามแก่ไม่ต้องคอยเป็นภาระของลูกหลาน

  • มีสุขภาพที่ดีจากความเครียดทางการเงินที่ลดลง

ลงทุนกองทุนรวมในระยะยาวทำให้มีเงินเก็บไว้ใช้ในช่วงเกษียณ ทำให้เราสามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้เนื่องจากความเครียดทางการเงินที่ลดลงจากการวางแผนที่ดีในช่วงก่อนเกษียณอายุ

  • สามารถเกษียณจากการทำงานได้อย่างไม่เป็นกังวล

อายุที่เหมาะกับการเกษียณตัวเองจากการทำงานคือ ช่วงอายุ 55 – 60 ปี หลายคนอาจเกษียณก่อนโดยไม่ได้ตั้งใจแต่อาจถูกบีบให้ออกจากงานก่อนเนื่องจากอายุที่เยอะขึ้น ดังนั้นการวางแผนระยะยาวลงทุนด้วยกองทุนรวมทำให้เราสามารถมีเงินใช้ในช่วงหลังเกษียณได้อย่างสบายใจมากขึ้น ทำให้ออกจากงานได้โดยไม่เป็นกังวลนั้นเอง

  • สวัสดิการจากภาครัฐไม่เพียงพอสำหรับผู้สูงอายุ

แม้หลังจากเกษียณจะมีสวัสดิการจากภาครัฐแต่เชื่อเถอะว่า สวัสดิการเหล่านั้นอาจไม่เพียงพอหากคุณมีภาระค่าใช้จ่ายที่มากมายรออยู่ในแต่ละเดือน แต่หากมีเงินที่ได้จากการลงทุนในกองทุนรวมเอาไว้คอยช่วยทำให้ในแต่ละเดือนสามารถใช้จ่ายได้อย่างสบายใจคงดีไม่น้อย

  • ค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้นปัญหาด้านสุขภาพจึงมีมากขึ้นตามด้วย ซึ่งทำให้ค่ารักษาพยาบาลในการทำให้สุขภาพของเราดีก็สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการมีเงินเก็บออมไว้ใช้รักษาสุขภาพยามเจ็บป่วยจึงเป็นสิ่งสำคัญมากและไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง

6 วิธีการลงทุนในกองทุนรวมให้เหมาะสมกับเป้าหมายในการเกษียณ

การลงทุนในทุกการลงทุนล้วนต้องมีวิธีการและการวางแผนที่ครอบคลุม เพื่อให้การลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ การลงทุนกับกองทุนรวมเพื่อนำเงินไปไว้ใช้ในยามเกษียณก็เช่นกัน โดยวิธีเลือกกองทุนรวมให้เหมาะสำหรับเป้าหมายในการออมเงินไว้ใช้หลังเกษียณมีดังนี้

  • พิจารณาเลือกกองทุนรวมจากความเสี่ยงที่ยอมรับได้

การลงทุนเพื่อออมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณในช่วงที่ยังมีแรงกายทำงานหลายคนอาจเลือกพิจารณาการลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อหวังผลกำไรจากกองทุนรวมมาเป็นเงินเก็บไว้ในอนาคตได้ เนื่องจากแม้เราจะขาดทุนจากการลงทุนกองทุนรวมเราก็ยังสามารถทำงานหาเงินกลับมาใช้ได้ แต่หากไม่อยากรับความเสี่ยงเยอะอยากเก็บออมไปเรื่อยๆ ก็อาจมองหากองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำแม้จะได้กำไรไม่มากแต่ก็ดีกว่าดอกเบี้ยจากธนาคารแน่ๆ 

  • กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนและระยะเวลาการลงทุนให้เหมาะสม

สำหรับเป้าหมายในการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อนำเงินไปใช้ในยามเกษียณ ควรมองหาพอร์ตการลงทุนในระยะยาวที่มากกว่า 5 – 10 ปีขึ้นไป ระยะในการลงทุนที่ยาวนานทำให้สามารถนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากขึ้นได้ ทำให้ตั้งเป้าหมายได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

  • เลือกลงทุนด้วยวิธี DCA เพื่อให้มีเงินไว้ใช้ในช่วงเกษียณอายุ

ทำไมต้องลงทุนแบบ DCA? เพราะลงทุนด้วยวิธี DCA คือ การลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆ กันในระยะยาว แม้ว่าราคาตลาดจะถูกหรือแพง ทำให้นักลงทุนที่ลงทุนด้วยวิธีนี้มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวเหมาะแก่การลงทุนเก็บเงินเพื่อนำไปใช้ในยามเกษียณ โดยปัจจุบันมีกองทุนรวมหลายประเภทที่สามารถลงทุนในแบบ DCA ได้ เช่น กองทุนรวมหุ้น, กองทุนตราสารหนี้, กองทุนรวมตลาดเงิน เป็นต้น

  • เลือกลงทุนในกองทุนรวม SSF และ RMF

สองคู่หูกองทุนรวมเพื่อการออมเงิน กองทุนรวม SSF และ RMF ถือเป็นกองทุนที่เหมาะกับการออมเงินในระยะยาว โดยกองทุนรวม SSF และ RMF มีรายละเอียดดังนี้

กองทุนรวม SSF (Super Saving Fund)

  • กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนในระยะยาวเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการออมเงิน
  • สามารถเป็นตัวช่วยในการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% เมื่อซื้อหน่วยลงทุน
  • ลงทุนในสินทรัพย์หุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, ตราสารหนี้, กองทุนทองคำและอื่นๆ 
  • ระยะเวลาถือหน่วยกองทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันซื้อ
  • ไม่มีขั้นต่ำเหมาะกับนักลงทุนที่มีทุนไม่มาก
  • ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี

กองทุนรวม RMF (Retirement Mutual Fund)

  • กองทุนรวมที่ส่งเสริมการออมเงินไว้ใช้จ่ายยามเกษียณอายุ
  • มีลักษณะคล้ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและบำเน็จบำนาญ
  • ลงทุนในสินทรัพย์หุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, ตราสารหนี้, กองทุนทองคำและอื่นๆ 
  • เมื่อซื้อหน่วยลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี
  • ระยะเวลาถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี
  • สามารถขายหน่วยลงทุนได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ แต่มีข้อแม้ว่าต้องซื้อหน่วยกองทุนต่อเนื่องทุกปี
  • ลองใช้วิธีการลงทุนกองทุน Target Date Fund ตามปีเกษียณ

“Target Date Fund” เป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ โดยใช้หลักการบริหารสินทรัพย์ลงทุนและผลตอบแทนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงตามช่วงอายุจนถึงวัยเกษียณ ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนประเภทนี้ประกอบไปด้วย

  1. ผู้จัดการกองทุนจะกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลากหลาย
  2. ปรับสัดส่วนของแต่ละสินทรัพย์ตามช่วงอายุที่เปลี่ยนไป
  3. โดยสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจะเปลี่ยนไปตามอายุ โดยมีสูตรคำนวณ ดังนี้
    • ปัจจุบันอายุ 65 ปี สัดส่วนลงทุนในกองทุนหุ้น = 100 – 65 = 35% 

ข้อดีของการลงทุน Target Date Fund

  1. มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลจัดการพอร์ตให้
  2. ลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนตามอายุที่เพิ่มขึ้น
  3. เป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเพียงพอต่อการเกษียณ
  • ปรับพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมกับอายุที่เปลี่ยนไป

โดยปกติระยะเวลาในการปรับพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม คือ 6 เดือน หรือ 1 ปี การปรับพอร์ตลงทุนจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ว่า สินทรัพย์ตัวไหนในพอร์ตของเราขาดทุนหรือได้กำไร เพื่อให้สามารถวางแผนได้ว่าจะลงทุนในกองทุนรวมตัวไหนต่อไปได้

เปิด 5 กองทุนรวม SSF และ RMF น่าสนใจสำหรับวางแผนเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ

กองทุน K-CHANGE-SSF (ระดับความเสี่ยง 6)

จุดเด่นของกองทุน

  • มีการคัดเลือกหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงในระยะเวลา 5 ปี
  • ใช้กลยุทธ์ Buy & Hold เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมในระยะยาว

นโยบายของกองทุน

  • กองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Baillie Gifford Positive Change Fund – Class B accumulation (GBP)

ค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก: 500 บาท
  • ลงทุนครั้งถัดไป: 500 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย: ไม่เกิน 3.00%
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน: ไม่เกิน 3.00%
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ: ไม่เกิน 3.21% ต่อปี

ผลตอบแทนย้อนหลัง

  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: +0.12%

กองทุน SCBRMS&P500 (ระดับความเสี่ยง 6)

จุดเด่นของกองทุน

  • เน้นลงทุนในหน่วยการลงทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ iShares Core S&P 500ETF 
  • สร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียง

นโยบายของกองทุน

  • เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา 500 ตัวแรก 

ค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก: 1,000 บาท
  • ลงทุนครั้งถัดไป: 1,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย: ไม่เกิน 3.21%
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน: ไม่เกิน 3.21%
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ: ไม่เกิน 2.68% ต่อปี

ผลตอบแทนย้อนหลัง

  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: +20.95%
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี: +6.61%

กองทุน BCARERMF (ระดับความเสี่ยง 7)

จุดเด่นของกองทุน

  • ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Health Care เพื่อรองรับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุในปัจจุบัน
  • เป็นกองทุนรวมที่อยู่ในเครือของ บลจ.บัวหลวง

นโยบายของกองทุน

  • ลงทุนในกองทุนหลัก Wellington Global Health Care Equity Fund 

ค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก: 500 บาท
  • ลงทุนครั้งถัดไป: 500 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย: ไม่เกิน 1.50%
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน: ไม่เกิน 1.00%
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ: ไม่เกิน 1.61% ต่อปี

ผลตอบแทนย้อนหลัง

  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: +9.30%
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี: -1.10%
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี: +7.20%

กองทุน MEGA10-SSF (ระดับความเสี่ยง 7)

จุดเด่นของกองทุน

  • ลงทุนในแบรนด์ชั้นนำระดับโลกรวมถึงบริษัทที่ทุกคนให้การยอมรับ ทำให้ได้หุ้นที่ดีมีคุณภาพ
  • ใช้หลักการลงทุนแบบ Rule Based Investing Approach ในการเลือกหุ้น

นโยบายของกองทุน

  • เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทชั้นนำต่างๆ ที่มีสภาพคล่องสูงสุด 10 บริษัทแรก
  • โดยบริษัทเหล่านั้นต้องจดทะเบียนซื้อขายใน NYSE / NASDAQ 

ค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก: 1,000 บาท
  • ลงทุนครั้งถัดไป: 1.00 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย: ไม่เกิน 1.50%
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน: ไม่เกิน 1.50%
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ: ไม่เกิน 1.61% ต่อปี

ผลตอบแทนย้อนหลัง

  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: +29.79%

กองทุน KKP GNP RMF-H (ระดับความเสี่ยง 6)

จุดเด่นของกองทุน

  • กองทุนมีการเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up จากหุ้นแต่ละตัวในอุตสาหกรรม 
  • มีการลงทุนระยะยาวและอัตรา Turnover เฉลี่ยเพียง 25% เท่านั้น

นโยบายของกองทุน

  •  กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนของต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ กองทุน Capital Group New Perspective Fund

ค่าธรรมเนียม

  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก: 1,000 บาท
  • ลงทุนครั้งถัดไป: 1,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย: ไม่เกิน 2.00%
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน: ไม่เกิน 2.00%
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ: ไม่เกิน 2.675% ต่อปี

ผลตอบแทนย้อนหลัง

  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: +14.43%
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี: -0.89%
  • ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี: +8.04%

สรุป

  • การลงทุนในกองทุนรวมก่อนวัยเกษียณให้เน้นการลงทุนแบบ DCA เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ 
  • ควรวางแผนการลงทุนและปรับพอร์ตตามช่วงอายุเป็นประจำ
  • ในวัยที่มีกำลังมากพอจะหาเงิน ให้เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ควบคู่กับกองทุนรวมที่มีผลตอบแทนสม่ำเสมอเพื่อให้ได้เงินเก็บมากพอมาใช้ในช่วงเกษียณ
  • ควรแบ่งเงินลงทุนมาลงทุนในกองทุนรวม RMF และ SSF เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ในช่วงเกษียณอายุได้