Skip to content
ประเภทของกองทุนรวมมีอะไรบ้าง
- กองทุนรวมสามารถแบ่งออกได้ตามระดับความเสี่ยง
- ซึ่งแต่ละกองทุนจะมีนโยบายที่แตกต่างกันออกไปตามผู้จัดการกองทุน
- โดยปัจจุบันประเภทของกองทุนในประเทศไทยมีให้เลือกได้หลากหลายมาก โดยกองทุนหลักในประเทศไทยมีดังนี้
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF (Retirement Mutual Fund)
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่ส่งเสริมให้เกิดการออมเงินในระยะยาว
- เป็นกองทุนที่สามารถลงทุนได้ทุกประเภทสินทรัพย์ เช่น ตราสารหนี้, หุ้นในประเทศและต่างประเทศ, สินทรัพย์ต่างๆและอื่นๆ
- ระยะเวลาในการลงทุน ควรลงทุนด้วยระยะเวลาเกิน 5 ปี โดยมีการบังคับซื้อแบบปีเว้นปีจนถึงอายุ 55 จึงจะถอนออกมาได้
- มีสิทธิลดหย่อนให้สำหรับผู้ซื้อกองทุน โดยจะให้สิทธิลดหย่อน 30% ของเงินได้
วิเคราะห์ความเสี่ยงของกองทุนรวม RMF
- ความเสี่ยงของกองทุน RMF ขึ้นอยู่กับประเภทสินทรัพย์ที่ลงทุนไป
- หากเน้นการลงทุนในตราสารนี้ของประเทศไทยจะมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำ
- แต่หากอยากได้ผลตอบแทนในระดับสูงก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นที่มีนโยบายเฉพาะจงเจาะ
ผลตอบแทนของกองทุนรวม RMF
- ผลตอบแทนของกองทุนรวม RMF จะอยู่ในรูปแบบของดอกเบี้ยเงินสะสม
- ยิ่งนำเงินมาออมในพอร์ตของกองทุนทุกๆ ปี ดอกเบี้ยที่จะได้รับก็จะเพิ่มขึ้นทุกปี
- นอกจากนี้ผลตอบแทนทางอ้อมของกองทุนนี้คือ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
กองทุนรวม SSF (Super Saving Funds)
- เป็นกองทุนที่สนับสนุนการลงทุนในระยะยาวสำหรับคนวัยทำงาน
- มีนโยบายการลงทุนให้ลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น กองทุนดัชนี, หุ้น, ตราสารหนี้และการลงทุนในตลาดเงิน
- ให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้
- ระยะเวลาที่ต้องถือกองทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อกองทุน
- ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี เมื่อครบกำหนดเวลาสามารถถอนออกได้เลย
วิเคราะห์ความเสี่ยงของกองทุนรวม
- เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับกลางค่อนข้างสูง
- โดยความเสี่ยงขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคาสินทรัพย์ในกองทุน
- และความสามารถจัดการกองทุนของผู้จัดการกองทุนนั้นเอง
ผลตอบแทนของกองทุนรวม
- กองทุน SSF จ่ายผลตอบแทนในการลงทุนแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบเงินปันผลและเงินสะสมมูลค่า
- แบบเงินปันผล จะได้รับเมื่อลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินแบบเงินปันผล เมื่อกองทุนได้รับผลดอกหรือกำไรจากการลงทุน จะมีการจ่ายเงินแบบเงินปันผลออกมาและเงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
- แบบเงินเงินสะสมมูลค่า ในกองทุนรวม SSF จะมีบางกองทุนที่ไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล เมื่อกองทุนได้รับดอกผลหรือกำไรจากการลงทุน ผู้จัดการกองทุนจะสะสมและนำดอกผลนั้นไปลงทุนต่อเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม
- นอกจากนี้ผลตอบแทนของกองทุน SSF ยังอยู่ในรูปแบบการใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้อีกด้วย
กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund)
- เป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดลงทุน
- มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ มีหลายรูปแบบเช่น พันธบัตรรัฐบาล, ตั๋วเงินคลัง, ตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ของภาคเอกชน
- ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
วิเคราะห์ความเสี่ยงของกองทุนรวมตราสารหนี้
- ความเสี่ยงของกองทุนตราสารหนี้ แบ่งออกได้เป็นด้านต่างๆ ได้แก่
- ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาตราสารหนี้จะปรับลดลง หากไม่อยากรับความเสี่ยงตรงนี้สามารถซื้อกองทุนที่มีระยะเวลาสั้นได้
- ความเสี่ยงจากความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ หากผู้ออกตราสารหนี้ม่าสามารถทำตามเงื่อนไขที่มีอยู่ได้ จะทำให้ส่งผลกระทบในการลงทุนได้
- ความเสี่ยงจากเวลาการเปิดปิดกองทุนในแต่ละช่วงเวลา
ผลตอบแทนของกองทุนรวมตราสารหนี้
- ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้จะอยู่ในรูปแบบของ ดอกเบี้ย อีกทั้งจะได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบระยะเวลาที่กำหนดไว้
- ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้อาจไม่สูงมาก ขึ้นอยู่กับประเภทของตราสารหนี้ที่ได้ลงทุนไป
- แต่ผลตอบแทนของกองทุนตราสารนี้จะได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เฉลี่ยที่ 2 – 5% ของเงินลงทุน
กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund)
- เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝากของธนาคารหรือตราสารนี้
- เป็นกองทุนที่ลงทุนในระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี
- โดยสินทรัพย์ที่นิยมลงทุนของกองทุนรวมตลาดเงิน เช่น ตั๋วเงินคลัง, ตั๋วแลกเงิน, พันธบัตรหรือหุ้นกู้เอกชน
วิเคราะห์ความเสี่ยงของกองทุนรวมตลาดเงิน
- เป็นกองทุนที่มีสภาพคล่องสูงอีกทั้งยังมีความผันผวนของการลงทุนน้อย
- อีกทั้งยังเป็นกองทุนที่มีระยะเวลาในการลงทุนสั้น น้อยกว่า 1 ปี
- ทำให้กองทุนรวมตลาดเงินมีความเสี่ยงที่ต่ำมาก
ผลตอบแทนของกองทุนรวมตลาดเงิน
- ผลตอบแทนของกองทุนรวมตลาดเงินจะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการฝากเงินกับธนาคาร
- แต่ผลตอบแทนที่ได้จะสูงกว่าเล็กน้อย
- หากนักลงทุนคนไหนอยากได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเดิมสามารถเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนได้อีกด้วย แต่ควรตรวจสอบความเสี่ยงให้ดี
กองทุนรวมดัชนี (Index Equity Funds)
- เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการลงทุนในดัชนี
- เป็นการลงทุนในรูปแบบ Passive
- โดยดัชนีที่ใช้อ้างอิงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียง เช่น SET Index, SET50 Index
วิเคราะห์ความเสี่ยงของกองทุนรวมดัชนี
- กองทุนรวมดัชนีเหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่เวลาศึกษาหาข้อมูลมากนัก
- โดยความเสี่ยงของกองทุนจะแปรผันตามดัชนีที่ใช้อ้างอิง
- แต่มีความเสี่ยงต่ำกว่ากองทุนรวมหุ้นทั่วไป
ผลตอบแทนของกองทุนรวมดัชนี
- ผลตอบแทนของกองทุนรวมดัชนีจะขึ้นอยู่กับดัชนีอ้างอิง
- โดยผู้จัดการกองทุนจะพยายามบริหารการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด
- เช่น ถ้าผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิงสูงขึ้น 20% มูลค่ากองทุนรวมดัชนีจะเพิ่มขึ้นใกล้เคียง 20%
กองทุนรวมหุ้น (Equity Funds)
- เป็นกองทุนที่มีนโยบายในการลงทุนตราสารทุนประเภทต่างๆ
- อีกทั้งยังมีการลงทุนที่หลากหลายขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้จัดการกองทุนว่าจะเลือกให้กองทุนเติบโตไปในทางทิศทางไหน เช่น
- บางกองทุนอาจเลือกลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงหรือบางกองทุนอาจเลือกลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพ เป็นต้น
- ซึ่งผู้ที่เข้ามาลงทุนในกองทุนรวมหุ้นต้องเข้าใจตลาดและราคาของหุ้นที่มีการขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา
วิเคราะห์ความเสี่ยงของกองทุนรวมหุ้น
- เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับสูง โดยมีปัจจัยที่ส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยง ดังนี้
- ความเสี่ยงเกิดมาจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ที่กองทุนลงทุนไป
- ความเสี่ยงจากผู้จัดการกองทุน ที่วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจลงทุนและกำหนดสัดส่วนการกระจายการลงทุนไม่เหมาะสม
- ความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจของโลก ซึ่งปัจจัยนี้มีผลต่อราคาหุ้นในตลาดเช่นกัน
ผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้น
- ผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้นจะขึ้นอยู่กับราคาหุ้นในกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนได้เลือกลงทุนเอาไว้
- ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนรวมหุ้นจะสูงกว่าการลงทุนในกองทุนทุกประเภท แต่ก็แลกมากับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน
- เนื่องจากหากราคาหุ้นขึ้นกองทุนของเราก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตาม แต่หากราคาหุ้นลดกองทุนที่เราได้ลงทุนไว้ก็จะมีมูลค่าลดลงเช่นกัน
- ทำให้ส่วนใหญ่กองทุนรวมหุ้นจะมีนโยบายในลงทุนกระจายหุ้นหลายๆ ตัว เพื่อลดความเสี่ยงในจุดนี้ลงนั้นเอง
กองทุนทองคำ (Gold Fund)
- เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในทองคำ เปรียบเสมือนการลงนำเงินไปลงทุนในทองคำแท่งทางอ้อม
- โดยกองทุนทองคำใช้เงินในการเริ่มต้นลงทุนจำนวนน้อย ราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 บาท
- สามารถทำรายการซื้อขายได้สะดวก มีความปลอดภัยไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญหาย
- มีมืออาชีพคอยให้ความดูแลและบริหารจัดการให้ แต่จะมีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ
- เหมาะสมกับการลงทุนในระยะยาว
วิเคราะห์ความเสี่ยงของกองทุนทองคำ
- ความเสี่ยงของกองทุนจะขึ้นอยู่กับราคาของทองคำโลกและอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินเนื่องจากเป็นกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ
- หากไม่อยากให้เกิดความเสี่ยงสามารถเลือกลงทุนในราคาทองคำเพียงอย่างเดียวได้ โดยไม่สนใจกำไรหรือส่วนต่างจากอัตราการแลกเปลี่ยน
- แต่หากคุณต้องการเป็นสายทำกำไรก็สามารถเลือกกองทุนรวมที่ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงเอาไว้เลยได้
- ซึ่งความเสี่ยงต่างๆ จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและนโยบายการลงทุนของผู้จัดการกองทุนด้วย
ผลตอบแทนของกองทุนทองคำ
- การลงทุนในกองทุนทองคำจะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ มูลค่าของกองทุนจะขึ้นอยู่กับราคาทองคำโลก
- ผลตอบแทนของกองทุนทองคำจะมีด้วยกัน 2 แบบได้แก่
- ผลตอบแทนจากราคาทองคำเพียงอย่างเดียว กับ ผลตอบแทนจากกำไรเพิ่มเติมในอัตราแลกเปลี่ยน
กองทุนรวมหุ้น ETF (Exchange Trade Fund)
- กองทุนรวมหุ้น ETF มีนโยบายการลงทุนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีราคาหลักทรัพย์, ดัชนีราคาตราสารหนี้, ดัชนีอ้างอิงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น
- ความแตกต่างของกองทุนรวม ETF กับกองทุนรวมหุ้นทั่วไปมีดังนี้
- นักลงทุนสามารถซื้อขายกองทุนหุ้น ETF ได้ผ่านโบรกเกอร์เหมือนกับการซื้อหุ้น ต่างจากการซื้อกองทุนรวมทั่วไป
- ราคาซื้อขายเป็นราคาแบบ Real Time ตามตลาด ซึ่งต่างกับกองทุนทั่วไปที่ต้องรอการคำนวณ NAV ก่อนจะทราบราคาซื้อขาย
วิเคราะห์ความเสี่ยงของกองทุนรวมหุ้น ETF
- กองทุนรวมหุ้น ETF จะมีการกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว
- แต่ความเสี่ยงก็ยังขึ้นอยู่กับความผันผวนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจ, การเงิน, ราคาหลักทรัพย์
- ซึ่งกองทุนนี้เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของหลักทรัพย์ไว้ในการลงทุนหลายๆ ตัว
ผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้น ETF
- ผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้น ETF ขึ้นอยู่กับความแปรผันของดัชนีอ้างอิง
- ซึ่งผลตอบแทนจะขึ้นอยู่ราคาหุ้นหรือราคาหลักทรัพย์ในตลาด
- หากราคาตลาดมีมูลค่าสูงขึ้นราคาของกองทุนรวมหุ้น ETF ก็จะสูงขึ้นตามดัชนีอ้างอิงนั้นเอง
กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund: FIF)
- กองทุนนี้เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในต่างประเทศ โดยมูลค่าของการลงทุนไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สิน
- กองทุนต้องลงทุนในประเทศที่มีหน่วยงานกำกับดูแลและเป็นสมาชิกของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (IOSCO) เพื่อให้หลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนนำไปลงทุนนั้นจะได้รับการกำกับดูแลอย่างดีตามมาตรฐานสากล
- ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยแบ่งการบริหารกองทุนออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบบริหารกองทุนด้วยตัวเองและการบริหารกองทุนด้วยผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศ
วิเคราะห์ความเสี่ยงของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ
- ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์ที่ลงทุน เช่น ภาวะราคาหุ้นในตลาด, เรื่องการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร
- ความเสี่ยงที่เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศที่นักลงทุนเข้าไปลงทุน
- ความเสี่ยงจากอัตราการแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือที่รู้จักกันในชื่อ “hedging”
ผลตอบแทนของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ
- ผลตอบแทนของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีได้หลากหลายขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุน เช่น
- หากเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้อาจได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยและเงินต้น
- หรือหากลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ก็จะได้ผลตอบแทนเมื่อราคาหุ้นมีความเปลี่ยนแปลง
กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund: FIF)
- กองทุนนี้เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในต่างประเทศ โดยมูลค่าของการลงทุนไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สิน
- กองทุนต้องลงทุนในประเทศที่มีหน่วยงานกำกับดูแลและเป็นสมาชิกของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (IOSCO) เพื่อให้หลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนนำไปลงทุนนั้นจะได้รับการกำกับดูแลอย่างดีตามมาตรฐานสากล
- ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยแบ่งการบริหารกองทุนออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบบริหารกองทุนด้วยตัวเองและการบริหารกองทุนด้วยผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศ
วิเคราะห์ความเสี่ยงของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ
- ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์ที่ลงทุน เช่น ภาวะราคาหุ้นในตลาด, เรื่องการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร
- ความเสี่ยงที่เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศที่นักลงทุนเข้าไปลงทุน
- ความเสี่ยงจากอัตราการแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือที่รู้จักกันในชื่อ “hedging”
ผลตอบแทนของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ
- ผลตอบแทนของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีได้หลากหลายขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุน เช่น
- หากเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้อาจได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยและเงินต้น
- หรือหากลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ก็จะได้ผลตอบแทนเมื่อราคาหุ้นมีความเปลี่ยนแปลง
สรุป
ประเภทของกองทุนรวมนั้นมีหลากหลายประเภทขึ้นอยู่กับสินทรัพย์
กองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำมากที่สุด คือกองทุนรวมตลาดเงิน
ในขณะที่กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ, น้ำมัน, หุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ จะมีความเสี่ยงที่สูง
อีกทั้งกองทุนบางประเภทยังเป็นกองทุนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการออมเงินไว้ใช้ในอนาคต
ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกกองทุนที่มีนโยบายและผลตอบแทนตามที่ตัวเองต้องการได้เลย